top of page
ค้นหา

ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน! (THE FORCE DESTINED)

ความแทบจะไร้ขอบเขตของผลงานแนวแฟนตาซี เปิดโลกแห่งจินตนาการของเราให้กว้างมากขึ้น เฉกเช่นที่ไอสไตน์ได้กล่าวไว้ว่า "จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้" มันทำให้เราก้าวข้ามพ้นขอบเขตของความจำเจและความน่าเบื่อได้ เมื่อเรากำลังแสวงหาความแปลกใหม่ให้กับการยลของเราเอง ภาพยนตน์ก็คือหนึ่งในสื่อที่มักจะดึงความเป็นแฟนตาซีเข้ามาร่วมมีบทบาทและสร้างสีสันให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี ราวกับการหลุดโลกออกจากจุดที่เราอยู่นี้ และโน้มตัว, ดึงตัวเองเข้าไปในความฟินที่มีเพียงภาพยนตร์เท่านั้นที่ทำงานได้ใกล้เคียงที่สุด แม้ว่ามันจะไม่มีตัวตนจริงก็ตาม

แม้ว่าผมเองจะเกิดและคลานมากับซีรี่ Star Wars แต่ผมเองก็ไม่ได้ถือกับว่าเป็นแฟนคลับหรือคลั่งไคล้ขนาดนั้น แต่ด้วยความรักและสนใจในงานด้าน CGI แล้ว ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ว่า นี่คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้บริษัท CGI ชั้นนำของโลกเริ่มต้นขึ้น นั่นคือบริษัท ILM (Industrial Light & Magic) นี่คือจุดเริ่มต้นของการที่ทำให้ผมเข้าใจและรู้จักสิ่งที่เรียกว่า CGI หรือ VFX มากขึ้น เพราะภาพยนตร์ในตำนานหลายต่อหลายเรื่องต่างถูกสรรสร้างโดย ILM ทั้งนั้น เช่นภาพยนตร์เรื่อง Star Wars, Jurassic Park, E.T., Dragon Heart, Indiana Jones Series, Terminator 2 และอีกมากมาย และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมอดสงสัยถึงกระบวนการผลิตเวทมนต์แห่งงานด้านนี้ไม่ได้ ผมจึงเริ่มออกเดินทางในงานด้านนี้ด้วยตัวเอง และเช่นกันที่ซีรี่ Star Wars ได้สร้างฐานแฟนคลับไว้ทั่วโลกอย่างมากมาย และนี่ก็เป็นอีกจุดเริ่มต้นหนึ่งของการเริ่มทำหนังสั้นเกี่ยวกับเนื้อหาที่เกี่ยวกับ Star Wars


VFX แรกสุดเลยที่คนทำเอฟเฟคส์นี้ต้องคิดถึงและเคยจับ นั่นคือเอฟเฟคส์ Light Saber หรือดาบเลเซอร์ในตำนานนั่นเอง และผมเองก็ไม่ต่างอะไรกันกับคนเหล่านั้นที่ต้องลองทำ แต่ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือใหม่ในการทำเอฟเฟคส์นี้ ผมก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะต่อยอดไปที่ไหน, ทำอะไรได้อีกบ้าง, และจะเอาไปทำอะไรต่อในผลงานชิ้นอื่นๆ แต่หากพูดถึงธีมและเรื่องราวที่น่าสนใจของการผจญภัยในอวกาศของ Star Wars แล้ว ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ และน่าสนุกหากเครื่องมือและทรัพยากรเอื้ออำนวยในการทำ เพราะอย่างที่หลายคนรู้กันดี Star Wars เป็นโลกสมมุติในอนาคต ที่มียานพาหนะ, สถานที่, เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่แตกต่างจากโลกปัจจุบันของเรานี้ จึงทำให้การริเริ่มที่จะทำโปรเจคอะไรก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องนี้ ต้องมีการลงทุนลงแรงมากพอควร เพราะไม่งั้นแล้วผลงานที่ได้มา อาจจะเป็นผลงานเลียนแบบแบบกระจอกไปเลยก็ได้

ในช่วงปี 2015 ที่ Star Wars: The Force Awakens กำลังจะเข้าฉาย จึงทำให้ผมริเริ่มที่จะคิดไอเดียในการทำหนังสั้น fan film ขึ้นมา ซึ่งแม้ว่าจะมีการเริ่มโปรเจคและมีการร่วมงานจากกลุ่มคนที่สนใจ โปรเจคนี้ก็มิได้สำเร็จตามที่ต้องการ เหตุด้วยความขัดข้องของ HDD ที่เก็บไฟล์ของงานทั้งหมดนั้นชำรุดและเสียหายไป แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงมีสำเนาบางส่วนจากที่เคยถ่ายทำกันไปแล้วบ้าง และผมก็ได้นำสิ่งเหล่านั้นมาโพสลงในช่อง Youtube ของผมในที่สุด และนี่คืออีก 1 จุดเริ่มต้นของการที่ผลงานได้ออกไปสู่สายตาคนดูและเตะตา, ฝังใจ ลูกค้ารายหนึ่งที่มีความคลั่งไคล้ใน Star Wars มาก จนกระทั่ง...


โดดข้ามมาในปี 2020 ที่ลูกค้าดังกล่าวได้เข้ามาทักและทาบทามถึงการเริ่มต้นโปรเจคนี้ เพื่อเป็นวิดีโอ หนังสั้น/ Pre-wedding ของเขาเองที่กำลังจะมาในปีถัดมา นั่นจึงทำให้โปรเจค Star Wars กลับมามีชีวิตใหม่โดยมีลูกค้าที่ชอบและเห็นถึงศักยภาพของหนังสั้นนี้ที่จะเกิดขึ้นได้ เราเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ และวางแผนการถ่ายทำ ท่ามกลางสถานการณ์โควิตที่ไปๆ มาๆ ทำให้การเลื่อนแผนการถ่ายทำของเราต้องเลื่อนไปมา จนกระทั่งหลายๆ อย่างเริ่มนิ่งตัว แล้วเราก็ยกกองทัพไปถ่ายทำที่กรุงเทพ.

การถ่ายทำค่อยๆ เริ่มไป โดยมีกองกำลังหนุนจากกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ ของลูกค้าเองที่มีสมาพันธ์ Start Wars คอยเอื้อเฟื้ออุปกรณ์ประกอบฉาก และชุดการแสดงสุดอลังแบบ custom made ที่ละเอียดและสมจริง ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณภาพของโปรดักชั่นได้มากจริงๆ แม้ว่าการถ่ายทำเบื้องต้นจะดูแห้งๆ และไร้สีสัน (อย่างที่หลายๆ คนน่าจะจินตนาการได้) แต่แล้วการถ่ายทำทั้งหมดภายใน 3 วันก็เสร็จสิ้นจนวินาทีสุดท้าย ก่อนที่เราจะปิดกล้องและเดินทางกลับบ้านเชียงใหม่ของเรา

Post Production ค่อยๆ เริ่มต้นจากการตัดต่อ ที่ไม่ได้ใช้เวลานานมากนักเพราะภาพในหัวของผมที่เห็นและวางไว้หมดแล้ว หลังจากนั้นงานด้าน VFX ก็เริ่มต้นขึ้น โดยในขณะนั้นมีนักศึกษาฝึกงานจำนวน 2 คน ที่ถูกดึงเข้ามาร่วมในการผลิตตรงนี้ เพราะเนื่องจากจำนวนฉาก VFX ที่มากและละเอียด ทำให้ผมต้องรับมือกับฉากยากๆ และท้าทาย โดยเฉพาะฉากเปิด Dogfight ในอวกาศ (Dogfight = ฉากต่อสู้ด้วยยานพาหนะทางอากาศ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน แต่อยากทำมาตลอด แม้ว่านิยามจะฟังดูง่าย แต่การลงมือจริงในการทำงานนั้นไม่ง่ายเลย เพราะการจัดวางของแต่ละ VFX ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่จาก 0 ทำให้ต้องใช้จินตนาการมากๆ อีกทั้งการผนวกเข้ากับภาพ live action footage ที่เราถ่านมานั้น ทำให้เราต้องสร้างความเสมือนจริงที่ต้องผสมผสานไปกับ VFX ที่จะตามมา และท้ายที่สุดแล้วเราก็ทำออกมาได้ดีและสวยงามจนสำเร็จ รวมไปถึงฉากอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลาและการออกแบบที่ดีและลงตัว


จนกระทั่งโปรเจคนี้สำเร็จและส่งงานให้กับลูกค้าที่ประทับใจและพึงพอใจมากๆ ในผลลัพท์ที่ออกมา และถูกนำใช้ฉายในวันพิธีแต่งงานของเขาในที่สุด สร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าแขกและเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ลงแรงและกำลังใจเข้ามาช่วยในโปรเจคนี้ด้วย

ซึ่งท้ายที่สุดแล้วความตั้งใจและความพยายามก็ได้พิสูจน์ให้ผมได้เห็นอีกครั้งถึง ความสามัคคีในการทำงาน และการมีจินตนาการ/วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน สามารถบอก/ไกด์ เราให้ไปไกลและนำไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ใหม่และท้าทาย และนี่ก็คืออีกเป้าหมายหนึ่งที่ผมวางไว้ให้กับตัวเองเสมอในการทำงาน นั่นคือความอยากที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปเรื่อยๆ ในแต่ละด้าน เพื่อความสำเร็จในรูปแบบใหม่ที่เราจะได้เห็นและเชยชม รวมไปถึงการเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับหลายๆ คน และสร้าง connection ที่หลากหลายผ่านการทำงานเหล่านี้ เพราะโจทย์ใหม่ๆ ย่อมนำเราไปสู่คำตอบใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคาดคิดและใฝ่ฝัน เพราะอย่าให้สิ่งที่อยู่ในหัวของเราเป็นเพียงไอเดียคอนเซปที่อยู่แต่ในฝัน แต่ให้หาวิธีและโอกาสที่จะดึงนำมันออกมาสู่โลกภายนอก ให้คนได้เห็นและชื่นชมไปกับมัน เพราะท้ายที่สุดแล้วสายงานนี้ก็ต้องการ "จินตนาการ มากกว่าความรู้"



ดู 3 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page